ระเบียบวิทยาลัยอาชีวศึกษาหนองคาย
ระเบียบวิทยาลัยอาชีวศึกษาหนองคาย
ว่าด้วยการลงโทษนักเรียน นักศึกษา พ.ศ.๒๕๕๕
อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๙ แห่งระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การลงโทษนักเรียน นักศึกษา พ.ศ.๒๕๔๘ วิทยาลัยอาชีวศึกษาหนองคายจึงวางระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์ในการพิจารณาโทษนักเรียนและนักศึกษา ไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ ๑. ระเบียบนี้เรียกว่า “ระเบียบวิทยาลัยอาชีวศึกษาหนองคายว่าด้วยการลงโทษนักเรียน นักศึกษา พ.ศ.๒๕๕๕ ”
ข้อ ๒. ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับแต่วันถัดจากวันประกาศเป็นต้นไป
ข้อ ๓. ในระเบียบนี้
“กระทำความผิด ” หมายความว่า การที่นักเรียนหรือนักศึกษาประพฤติฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับของสถานศึกษา ระเบียบข้อบังคับของกระทรวงศึกษาธิการ หรือประพฤติฝ่าฝืนระเบียบกฎกระทรวงว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา
“คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการปกครองนักเรียน นักศึกษา
“ผู้อำนวยการวิทยาลัย” หมายความรวมถึง ผู้อำนวยการหน่วยงานที่มีฐานะเทียบเท่าวิทยาลัย หรือผู้รักษาการในตำแหน่งดังกล่าว
“หัวหน้างานปกครอง ” หมายความว่า ครูที่ทำหน้าที่หัวหน้างานปกครองตามระเบียบว่าด้วย การบริหารสถานศึกษา
“ครูปกครองแผนก ” หมายความว่า ครูที่ทำหน้าที่ปกครองดูแลความเรียบร้อยของนักเรียน และนักศึกษาในแต่ละแผนกวิชา
“นักศึกษา” หมายความว่า ผู้ที่ศึกษาตามหลักสตรประกาศนียบัตรวิชาขีพขั้นสูง (ปวส.) หรือ สูงกว่า
“ผู้ปกครอง” หมายความว่า บิดามารดา หรือบิดา หรือมารดา ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือ ผู้ปกครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ของนักเรียน และให้หมายความรวมถึงบุคคลที่นักเรียน อยู่ด้วยเป็นประจำ
ข้อ ๔. ให้มีคณะกรรมการปกครองนักเรียน นักศึกษาที่อำนวยการวิทยาลัย แต่งตั้งประกอบด้วย
(๑) รองผู้อำนวยการวิทยาลัยฝ่ายพัฒนากิจการนักเรียน นักศึกษา เป็นประธานกรรมการ
(๒) ครูปกครองแผนก เป็นกรรมการ
(๓) หัวหน้างานแนะแนว เป็นกรรมการ
(๔) หัวหน้างานปกครอง เป็นกรรมการและเลขานุการ
(๕) หัวหน้างานครูที่ปรึกษา เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ข้อ ๕. คณะกรรมการปกครองนักเรียน นักศึกษา มีอำนาจหน้าที่ต่อไปนี้
(๑) ดำเนินการสืบสวน สอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานกรณีนักเรียน นักศึกษา ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด
(๒) พิจารณาเสนอระดับการลงโทษนักเรียน นักศึกษา
(๓) เสนอแก้ไข ปรับปรุง ระเบียบหลักเณฑ์ ว่าด้วยการตัดคะแนนความประพฤติ เพื่อพิจารณาลงโทษนักเรียนและนักศึกษา
ข้อ ๖. การพิจารณาลงโทษนักเรียน นักศึกษา ให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
(๑) ให้คณะกรรมการจำนวนไม่น้อยกว่า ๓ คน ดำเนินการสืบสวน สอบสวน พยาน บุคคล พยานเอกสารที่เกี่ยวข้องตามข้อกล่าวหา
(๒) ให้คณะกรรมการแจ้งให้นักเรียน นักศึกษาที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด มีโอกาสให้การแก้ข้อกล่าวหา และนำสืบพยานหลักฐาน แก้ข้อกล่าวหาเป็นลายลักษณ์อักษร ก่อนพิจารณาเสนอระดับการลงโทษนักเรียน นักศึกษา
(๓) พิจารณาข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน สรุปความเห็นระดับการลงโทษต่อผู้อำนวยการวิทยาลัย
(๔) การประชุมพิจารณาโทษนักเรียน นักศึกษาต้องมีคณะกรรมการเข้าร่วมประชุม ไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓ ของคณะกรรมการทั้งหมด
(๕) การพิจารณาลงโทษนักเรียน นักศึกษา ต้องมีการดำเนินการสืบสวนของคณะกรรมการ ปกครองนักเรียน นักศึกษา ก่อน เว้นแต่นักเรียน นักศึกษาให้การรับสารภาพเป็น หนังสือว่าได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา
ข้อ ๗. โทษที่จะลงโทษแก่นักเรียน หรือนักศึกษาที่กระทำผิด มี ๔ สถาน ดังนี้
(๑) ว่ากล่าวตักเตือน
(๒) ทำทัณฑ์บน
(๓) ตัดคะแนนความประพฤติ
(๔) ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ข้อ ๘. การลงโทษนักเรียน นักศึกษาให้ลงโทษตามระดับโทษ ดังนี้
(๑) การว่ากล่าวตักเตือน ใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษากระทำความผิดไม่ร้ายแรง
(๒) การทำทัณฑ์บนใช้ในกรณีนักเรียนหรือนักศึกษา ที่กระทำผิดในกรณีตังต่อไปนี้
(ก) ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสภาพนักเรียนหรือนักศึกษา ตามกฏกระทรวง ว่าด้วยความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา พ.ศ.๒๕๔๘
(ข) ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติคักดิ์ของสถานศึกษา
(ค) ฝ่าฝืนระเบียบของสถานศึกษา
(ง) ได้รับโทษว่ากล่าวตักเตือนมาแล้ว แต่ยังไม่เข็ดหลาบ
(๓) ตัดคะแนนความประพฤติ
(๔) ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
ข้อ ๙. ผู้มีอำนาจสั่งตัดคะแนนความประพฤติได้แก่
(๑) ครูสั่งตัดคะแนนความประพฤติได้ครั้งละไม่เกิน ๕ คะแนน
(๒) รองผู้อำนวยการวิทยาลัย, หัวหน้างานปกครองสั่งตัดคะแนนความประพฤติได้ ครั้งละไม่เกิน ๑๐ คะแนน
(๓) ผู้อำนวยการวิทยาลัย สั่งตัดคะแนนความประพฤติได้ครั้งละไม่เกิน ๓๐ คะแนน
ข้อ ๑๐. การตัดคะแนนความประพฤติ นักเรียน นักศึกษา ตามกฎกระทรวง กำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๘ ให้ตัดคะแนนความประพฤติได้ดังนี้
(๑) หนีเรียนหรือออกนอกสถานศึกษา โดยไม่ได้รับอนุญาตในช่วงเวลาเรียน ครั้งละไม่เกิน ๕ คะแนน
(๒) เล่นการพนัน จัดให้มีการเล่นการพนัน หรือมั่วสุมในวงการพนัน ครั้งละไม่เกิน ๒๐ คะแนน
(๓) พกพาอาวุธหรือวัตถุระเบิด ครั้งละไม่เกิน ๓๐ คะแนน
(๔) เสพยาเสพติดประเภทที่ ๑-๕ หรือเสพสุรา บุหรี่ ครั้งละ